ดังที่กล่าวถึงในข้างต้น อาการบ่งชี้ของการเกิดภาวะสมองเสื่อมสามารถสังเกตได้จากการเปลี่ยนแปลงทาง:
บุคคลิก: บุคลลิกที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น จากบุคคลที่นิยมการเข้าสังคม พบปะเพื่อนฝูงสม่ำเสมอ เปลี่ยนเป็นบุคคลที่ไม่อยากพบใคร เก็บตัว พูดน้อย โดยไม่มีสาเหตุ อาการอาจเกิดขึ้นกะทันหัน หรือค่อยๆ เปลี่ยน แต่สามารถสังเกตได้ นอกจากนั้นยังรวมถึงการแสดงพฤติกรรมที่ใม่เหมาะไม่ควร อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พฤติกรรมเย็นชา: ในกรณีหมายถึงการที่ไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง โดยการพูดหรือแสดงกิริยาที่ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมและส่งผลให้ผู้ฟังเสียความรู้สึก เช่น ขณะที่คู่สนทนาเล่าถึงสุขภาพอาการเจ็บป่วยของตนแบบเล่าสู่กันฟัง ผู้ที่เริ่มมีการก่อตัวของภาวะสมองเสื่อมจะตอบกลับไปว่า ...เมื่อไหร่จะตาย บ่นน่าเบื่อ ไปตายๆ ซะ... หรือเมื่อลูกหลานมาเยี่ยมนำของกำนัลมาฝาก ก็ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ใส่ใจรับของ หรืออาจนำของไปทิ้ง โดยที่ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อน และเป็นที่รักใคร่กันมาก่อน
นิสัย: เกิดความเปลี่ยนแปลงทางนิสัยอย่างเห็นได้ชัด เช่น จากบุคคลที่สุภาพเรียบร้อย พูดจานอบน้อม อ่อนหวาน เปลี่ยนเป็นบุคคลที่พูดจาเสียงดัง โผงผาง หยาบ ไร้มารยาท ไม่มีกาลเทศะ
กระบวนการคิดและตัดสินใจ: มีปัญหาในกระบวนการคิดและตัดสินใจ แม้จะเป็นการตัดสินใจเรื่องง่ายๆ เช่น การเลือกใส่รองเท้า เลือกใส่เสื้อผ้า และเลือกตักอาหาร แม้จะมีตัวเลือกแค่ 2 อย่าง แต่ก็ไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้
ความจำ: หลงลืมบ่อยครั้ง มักจะลืมเหตุการณ์หรือกิจกรรมที่เพิ่งกระทำหรือเพิ่งผ่านไปหมาดๆ เช่น ลืมว่ารับประทานอาหารกลางวันไปแล้วหลังจากผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมง ลืมว่าพูดคุยกับใครและเรื่องอะไรหลังจากการพูดคุยไปแค่ไม่กี่นาที
ความวิตกกังวล เครียด หดหู่: มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล เครียด กับความจำ พฤติกรรมและความรู้สึกผิดปกติทางอารมณ์ (mood) ของตนที่เปลี่ยนไป แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมถึงรู้สึก หรือทำการนั้นๆ
ลืมเวลา: ลืมวัน เวลา และไม่สามารถตอบได้ว่า ณ ปัจจุบันเป็นวัน/เดือน/ปี อะไร *หนึ่งในคำถามที่ใช้ในการตรวจสอบสภาวะสมองเสื่อม คือ ปีนี้ พ.ศ. อะไร อยู่ในรัชกาลใด และใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
ปัญหาในการสนทนา: ไม่สามารถคิดคำพูดที่จะอธิบายสิ่งที่ต้องการจะเอ่ยถึงได้ ในกรณีนี้หมายถึงคำพูด ศัพท์ทั่วไป เช่น จะพูดว่ากินข้าว ก็นึกคำไม่ออก จึงพูดไปว่ากินไอ้นั่น ไอ้นี่ แต่บอกไม่ได้ว่าไอ้นั่น ไอ้นี่ที่กินไป คือ อะไร นอกจากนั้นยังมีปัญหาในการสนทนา เช่น ตามไม่ทันการสนทนา หรือลืมสิ่งที่คู่สนทนาเพิ่งพูดไปหยกๆ เช่น คู่สนทนาบอกว่าที่มานัดช้าเพราะรถเสียต้องเปลี่ยนยางรถกะทันหัน ทันทีที่คู่สนทนาพูดจบก็จะถามกลับไปว่าทำไมมาช้า หรืออยู่ในวงสนทนาแต่ไม่สามารถจับความได้ว่าคุยอะไรกันอยู่
วางของกิน-ของใช้ผิดที่: ข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้ประจำจะถูกนำสลับไปวางที่ต่างๆ และไม่สามารถจำได้ เช่น นำรองเท้าไปใส่ในตู้กับข้าว เอาของสด (เนื้อสัตว์ ผลไม้ นม) ไปใส่ในเครื่องซักผ้า และที่พบบ่อยอีกกรณี คือ นำเครื่องประดับมีค่าและเงินสดไปใส่ถังขยะ ไปใส่กล่องรองเท้า ไปใส่ในที่ลับตา แต่ไม่สามารถจำได้ และเป็นเหตุของการทะเลาะวิวาทจากการใส่ร้ายผู้อื่นว่าขโมยทรัพย์สินของตนไป
หลงทาง: หลงทางในการขับรถและเมื่อเดินทางออกนอกบ้าน แม้จะเป็นเส้นทางทางคุ้นเคยที่ใช้ทุกวัน นอกจากนั้นยังรวมถึงอาการแปลกที่แปลกทาง แม้จะอยู่ในสถานที่คุ้นเคย เช่น บริเวณในบ้านตนเอง หรือในร้านค้าและสถานที่ที่ไปเป็นประจำ
กะระยะพื้นที่/พื้นผิวผิดพลาด: กะระยะการเดินขึ้น-ลงบันได หรือจังหวะการก้าวไม่ได้ รวมไปถึงการเดินชนรั้ว ชนประตู ชนกำแพง ชนเฟอร์นิเจอร์ หรือชนกระจก แม้ว่าจะสามารถเห็นได้ชัด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุใหญ่ของการหกล้ม
Resources:
Dementia Australia (https://www.dementia.org.au/about-dementia/different-types-dementia)
Australian Government Department of Health and Aged Care (https://www.health.gov.au/topics/dementia/about-dementia)
Alzheimer’s Association (https://www.alz.org/alzheimers-dementia/what-is-dementia/types-of-dementia)
Brain Foundation (https://brainfoundation.org.au/disorders/dementia-non-alzheimer-type/?gad_source=1&gclid=EAIaIQobChMIve6ens3digMVk6lmAh1cThxvEAMYASAAEgJiRfD_BwE)
Dementia UK (https://www.dementiauk.org/information-and-support/types-of-dementia/)